แนะนำประเภทของลวดเชื่อมที่ใช้บ่อยในงานอุตสาหกรรม และวิธีเลือกให้เหมาะกับงาน

ในงานอุตสาหกรรมทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานผลิตเครื่องจักร งานต่อเรือ หรือแม้แต่งานซ่อมบำรุงทั่วไป ลวดเชื่อมถือเป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความทนทานของชิ้นงาน การเลือกใช้ลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับลักษณะงานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการจำหน่ายและให้คำปรึกษาด้านลวดเชื่อมจากบริษัท UDO เราขอแนะนำประเภทลวดเชื่อมที่ใช้กันบ่อยในงานอุตสาหกรรม พร้อมเทคนิคการเลือกใช้งานให้เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าในระยะยาว

 


 

 

🔧 ประเภทของลวดเชื่อมที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรม

1.ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ (Shielded Metal Arc Welding – SMAW)

เรียกกันทั่วไปว่า “ลวดเชื่อมไฟฟ้า” หรือ “ลวดเชื่อมแบบธูป” (Shielded metal arc welding)ใช้งานง่าย ราคาประหยัด และสามารถเชื่อมได้กับหลากหลายวัสดุ เช่น เหล็กกล้าคาร์บอน เหล็กเหนียว และเหล็กหล่อ

 

เหมาะกับ:

  • งานเชื่อมโครงสร้างเหล็ก
  • งานซ่อมแซมทั่วไป
  • พื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือไม่มีระบบแก๊ส

2.ลวดเชื่อม MIG (Metal Inert Gas – GMAW)

ใช้ร่วมกับเครื่องเชื่อมระบบไฟฟ้าและแก๊สเฉื่อย นิยมในงานที่ต้องการความเร็วและรอยเชื่อมที่เรียบสวย เหมาะกับงานผลิตจำนวนมาก

เหมาะกับ:

  • งานเชื่อมเหล็กแผ่น
  • งานประกอบในโรงงานอุตสาหกรรม

  • งานที่ต้องการความต่อเนื่อง

3.ลวดเชื่อม TIG (Tungsten Inert Gas – GTAW)

เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น งานสแตนเลส อะลูมิเนียม และโลหะบาง มักใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และยานยนต์

 

เหมาะกับ:

  • งานเชื่อมสแตนเลส อะลูมิเนียม
  • งานตกแต่งที่เน้นความเรียบร้อย
  • งานที่มีความบางและซับซ้อน

4. ลวดเชื่อมฟลักซ์คอร์ (Flux-Cored Arc Welding – FCAW)

 

คล้าย MIG แต่มีฟลักซ์อยู่ภายในลวด จึงสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้แก๊ส เหมาะกับงานกลางแจ้งและงานที่ต้องการเชื่อมความหนามากๆ

 

เหมาะกับ:

  • งานโครงสร้างหนัก
  • งานกลางแจ้ง
  • งานอุตสาหกรรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

✅ วิธีเลือกใช้ลวดเชื่อมให้เหมาะกับลักษณะงาน

 

1. พิจารณาประเภทของวัสดุ

การเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอนกับลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์เป็นเรื่องปกติ แต่หากเป็นโลหะพิเศษ เช่น สแตนเลสหรืออะลูมิเนียม ต้องใช้ลวดเชื่อมเฉพาะทาง เช่น TIG หรือ MIG ที่มีลวดชนิดพิเศษสำหรับโลหะนั้นๆ

2. ความหนาของชิ้นงาน

  • ชิ้นงานบาง: ใช้ลวดเชื่อม TIG เพราะสามารถควบคุมความร้อนได้แม่นยำ
  • ชิ้นงานหนา: ลวดเชื่อมฟลักซ์คอร์หรือ MIG จะเหมาะสมกว่า

 

3. สภาพแวดล้อมในการเชื่อม

  • หากเป็นงานกลางแจ้งหรือในที่ลมแรง ควรหลีกเลี่ยงลวดเชื่อมที่ต้องใช้แก๊ส เช่น MIG และ TIG ให้ใช้ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์หรือฟลักซ์คอร์แทน

4. ความชำนาญของช่างเชื่อม

 

ลวดเชื่อม TIG แม้ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม แต่ต้องใช้ทักษะสูง หากช่างยังมีประสบการณ์ไม่มาก อาจเริ่มจาก MIG หรือ SMAW ที่ควบคุมได้ง่ายกว่า

5. งบประมาณ

 

แม้บางลวดจะมีราคาสูงกว่า เช่น TIG แต่หากต้องการคุณภาพระดับสูง ก็ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว ในขณะเดียวกันหากเป็นงานทั่วไป ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์จะช่วยควบคุมต้นทุนได้ดี

สรุป

การเลือก ลวดเชื่อมที่เหมาะสมกับลักษณะงาน เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพงานแล้ว ยังช่วยลดต้นทุน ลดการสูญเสียวัสดุ และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต

ที่ UDO เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาในการเลือกลวดเชื่อมทุกประเภท ด้วยประสบการณ์ตรงในอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ทุกงานเชื่อมของคุณ จะมีรอยเชื่อมที่สวย ทนทาน และประหยัดงบประมาณ

 


 

🔗 สนใจเลือกชมลวดเชื่อมหลากหลายประเภท
เชิญคลิกที่: 👉 https://www.udo.co.th/category_product/กลุ่มลวดเชื่อม